คำคมธรรมะเตือนสติ กลอนธรรมะ “ความเอ๋ย” เรียบเรียงจากวัดอุโมงคฺ เมื่อเดือนธันวาคม 2016
ความเอ๋ย ความแก่
เป็นเพื่อนแท้ ของความตาย ไม่หน่ายหนี
เมื่อความแก่ ล่วงกาล มานานปี
ก็มอบเวน หน้าที่ ให้ความตาย
ไม่ยกเว้น ใครๆ ไม่ลำเอียง
มิให้ใคร หลีกเลี่ยง หรือเถียงได้
เพราะฉะนั้น เราท่าน ทั้งหญิงชาย
รีบทำดี ก่อนตาย ให้มากเอย.
ความเอ๋ย ความสุข
ใครๆทุกคน ชอบเจ้า เฝ้าวิ่งหา
“แกก็สุข ฉันก็สุข ทุกเวลา”
แต่ดูหน้า ตาแห้ง ยังแคลงใจ
ถ้าเราเผา ตัวตัณหา ก็น่าจะ “สุข”
ถ้ามันเผา เราก็ “สุก” หรือเกรียมได้
เขาว่า “สุข! สุขเน้อ!!” อย่าเห่อไป
มันสุขเย็น หรือสุขไหม้ ให้แน่เอย.
ความเอ๋ย ความหนุ่ม
เหมือนไฟสุม ขอนไม้ ไม่เห็นแสง
แต่ที่แท้ ความร้อน ระอุแรง
ถูกศรแผลง คลุ้มคลั่ง ขังอยู่ใน
ล่วงละเมิด ศีลธรรม ทำกรรมชั่ว
นั่นจะมัว บ้าตะบึง ไปถึงไหน
โอ้!ความหนุ่ม หนุ่มเช่นนี้ ดีอะไร?
ต่อเมื่อใด เย็นซึ้ง จึ่งดีเอย.
ความเอ๋ย ความเกิด
จงดูเถิด ยากเข็ญ เป็นไหนๆ
เจ็บปวดทั้ง แม่ลูก เหมือนถูกไฟ
เพื่ออะไร กันแน่ ลองแก้มา
เกิดเพื่อกิน เพื่อเล่น หรือเพื่อหลับ
หรือเพื่อรับ มรดก กระมังหนา?
หรือเกิดเพียง เพื่อเติบโต เช่นโค,ลา
ส่วนตูว่า เกิดเพื่อก่อ บ่อบุญเอย.
ความเอ๋ย ความสาว
เหมือนไฟวาว แวบไหว ให้เห็นแสง
คือเฝ้าแต่ง ไปท่าเดียว ทั้งเขียวแดง
ตั้งหน้าแข่ง กันจริงๆ กว่าสิ่งใด
ถึงงามรูป งามทรัพย์ และงามวิทย์
ไม่สนิท เหมือนงามธรรม จรรยาได้
หรือธรรมชาติ สร้างเพื่อ ตกแต่งไป
จะหยุดได้ ต่อแก่เฒ่า หรือเจ้าเอย!
ความเอ๋ย ความตาย
สิ้นชื่อหาย เพราะไม่มี ความดีเหลือ
คือตายเน่า ตายหนอน เป็นบ่อนเบือ
เน่าเหม็นเบื่อ ตายเช่นนี้ ดีอะไร?
ถ้าตัวตาย ไว้ลาย ให้โลกเห็น
ก็เหมือนเป็น อยู่คู่หล้า อย่าสงสัย
ตายแต่เปลือก เยื่อในอยู่ คู่โลกไป
เป็นประโยชน์ แก่ใครๆ ไม่สิ้นเอย.
ขอขอบพระคุณ คำคมธรรมะ กลอนธรรมะ สอนใจ จากวัดอุโมงค์ จังหวัดเชียงใหม่